วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

โฉมหน้า "ผู้คิดค้นโทรศัพท์มือถือเป็นคนแรก"



นาธาน บี. สตับเบิลฟิลด์


เมื่อ 100 ปีก่อน โทรศัพท์ไร้สาย หรือที่เรียกกันว่า โทรศัพท์มือถือ ถูกคิดค้นขึ้นโดยชายคนนี้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ชายคนนี้มีชื่อว่า นาธาน บี. สตับเบิลฟิลด์ (Nathan B. Stubblefield) เป็นชาวไร่แตงโม ในมลรัฐเคนทักกี้ สหรัฐอเมริกา ซึ่งคิดค้นโทรศัพท์ไร้สายขึ้นในปี 1908 โดยในสมัยนั้นรูปร่างหน้าตาของโทรศัพท์ไร้สายไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้

เสาส่งของโทรศัพท์ในขณะนั้นเป็นโลหะวงกลม 2 วง ซึ่งมีสายไฟร้อยอยู่ตรงกลาง ส่วนตัวรับส่งสัญญาณจะติดตั้งไว้ที่ยานพาหนะ เช่น รถไฟ หรือเรือ เมื่อยานพาหนะดังกล่าวเคลื่อนเข้ามาใกล้เสาส่งโทรศัพท์ สัญญาณก็จะถูกส่งผ่านคลื่นสนามแม่เหล็ก ทำให้โทรศัพท์สองเครื่องสามารถเชื่อมสัญญาณกันได้

ก่อนหน้าที่นาธานจะประดิษฐ์คิดค้นโทรศัพท์ไร้สายได้นั้น เขาทดลองพูดคุยโทรศัพท์กับลูกชายโดยส่งสัญญาณผ่านพื้นดินและน้ำมาแล้ว ซึ่งความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าจนประสบผลสำเร็จนี้เอง ที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งโทรศัพท์ไร้สาย

แม้กระทั่ง เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Virgin ยังยกย่องนาธานในเว็บไซต์ของ Virgin Mobile ว่า "นาธานถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการคิดค้นของเขาได้เปลี่ยนแปลงการสื่อสารของโลกเลยทีเดียว"

นาธาน บี. สตับเบิลฟิลด์ เกิดเมื่อปี 1860 ที่เมืองเมอเรย์ มลรัฐเคนทักกี้ แม่ของเขาเสียชีวิตเมื่อตอนเขาอายุ 14 ปี จากนั้นจึงไปอยู่โรงเรียนประจำ พร้อมทั้งศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ด้วยการอ่านหนังสือทุกประเภทที่หาได้ในเมือง ไม่ว่าจะเป็น Scientific American และ Electrical World

หลังจากที่นาธานแต่งงานแล้ว มีลูกทั้งหมด 9 คน แต่เสียชีวิตตั้งแต่แบเบาะ 3 คน ส่วนลูกชาย 1 ใน 6 ที่เหลือที่ชื่อ เบอร์นาร์ด เป็นผู้ช่วยคนแรกของนาธานในการคิดค้นโทรศัพท์ไร้สาย

ในปี 1907 ก่อนที่นาธานจะคิดค้นโทรศัพท์ไร้สายได้ 1 ปี เขาได้เปิดสอนหนังสือที่บ้าน หรือโฮมสคูล โดยให้ชื่อว่า "โรงเรียนอุตสาหกรรมของนาธาน สตับเบิลฟิลด์" (The Nathan Stubblefield Industrial School) ซึ่งสร้างในไร่แตงโมของเขา และกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยแห่งรัฐประจำเมืองเมอเรย์ (Murray State University) นั่นเอง

ที่มาจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
mthai

นาฬิกาปลุกทั้งคุณและเพื่อน



นับวันเทคโนโลยีของนาฬิกาปลุกจะรุดหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ปลุกแค่ตัวคุณเท่านั้น
แต่กลับไปปลุกเพื่อนๆ ของคุณด้วยซะงั้น

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : หากคุณเป็นคนขี้เซาที่นาฬิกาปลุกทั่วไปเอาไม่อยู่ หรือเมื่อไร
ก็ตามที่ได้ยินเสียงกริ๊ง เป็นต้องเอามือเอื้อมไปกดปุ่มปิดอยู่ร่ำไป เราแนะนำให้หานาฬิกาปลุกตัวนี้มาใช้

นาฬิกาปลุกไอเดียบรรเจิดตัวนี้มีชื่อว่า Tyrant จากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีสะอาดตา
ด้วยรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยม สีขาว ทำให้นึกไปว่าจะเป็นนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะเพื่อความสวยงามธรรมดาๆ
แต่จริงๆ แล้ว Tyrant ยังมีความสามารถพิเศษมากกว่านั้น

นั่นก็คือมันสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกับโทรศัพท์มือถือของคุณได้ เมื่อถึงเวลาปลุกที่ตั้งเอาไว้
หากคุณไม่ตื่นมาปิดสัญญาณภายใน 3 นาที มันจะเริ่มสุ่มรายชื่อเพื่อนๆ ในโทรศัพท์ของคุณ
แล้วโทรออกไปหาคนนั้นทันที และมันจะทำอย่างนี้ทุกๆ 3 นาทีจนกว่าคุณจะตื่น


ดังนั้น หากคุณมี Tyrant เอาไว้ใช้ รับรองว่าคุณจะไม่ตื่นสายอย่างแน่นอนด้วย 2 เหตุผล คือ

1. กังวลว่ามันจะโทรหาคนนู้นคนนี้จนนอนไม่หลับ

2. โดนใครต่อใครโทรมาด่าจนตื่นในที่สุด

อินเทลล้ำเอเอ็มดีไปอีกขั้นด้วยการพร้อมผลิตซีพียูขนาด 32 นาโนเมตร

ในขณะที่เอเอ็มดีกำลังง่วนอยู่กับการแบ่งครึ่งบริษัทเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งดูแลเรื่องการออกแบบซีพียูโดยเฉพาะ
กับอีกส่วนหนึ่งดูแลเรื่องการผลิตอยู่นั้น อินเทลก็พร้อมจะลุยไปที่การผลิตซีพียูที่ 32 นาโนเมตร


คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ได้ให้ข้อมูลว่า จาก Tick-Tock Development Model ที่อินเทลนำมาก่อนหน้านี้นั้น วันนี้มีข่าวดีว่า
อินเทลพร้อมที่จะก้าวข้าวสู่สายการผลิตได้จริงๆ ในปลายปีนี้เลย จากเดิมที่คาดว่าจะเข้าสู่สายการผลิตได้
ในปี 2010 โดยซีพียูรุ่นแรกๆ น่าจะเป็นเดสก์ท็อปก่อน แล้วตามด้วยโน้ตบุ๊กซึ่งชื่อรหัสการผลิตคือ “เวสท์เมียร์”



ดีกว่าเดิมอย่างไร

คุณเอกรัศมิ์ เล่าให้ฟังว่าจากการที่อินเทลใช้เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่มีส่วนผสมของ Hi-k + metal gate
ในสถาปัตยกรรม 45 nm แล้วไม่เกิดปัญหาในเรื่องการเลื่อนของอิเลคตรอน จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องความร้อน
ที่เคยเป็นมาในอดีตแล้ว ใน“เวสท์เมียร์” ในได้มีการเปลี่ยนไปใช้ Hi-k + metal gate รุ่นที่สอง ซึ่งจะส่งผล
ให้การเลื่อนของอิเลคตรอนลดลงไปตั้งแต่ 5 เท่าไปถึง 10 เท่า พร้อมทั้งมีการปรับขนาดอ๊อกไซด์ให้เล็ก รวมไป
ถึงการทำให้ Gate Link เล็กลงกว่าเดิมถึง 22 เปอร์เซ็นต์ ทำให้อินเทลสามารถใส่คอร์ได้สูงถึง 6 คอร์ 12
ในโพรเซสเซอร์เดียว (แต่ซีพียูตัวแรกที่เป็น 6 คอร์คือ Xeon 7400 Series) มีแคชขนาด 4 เมกะไบต์
สำหรับนหน่วยความจำนั้นรองรับทั้ง Triple Channel และ Dual Chanel แต่ขึ้นอยู่กับรุ่นของซีพียู
นอกจากนี้มีระบบกราฟิกในตัว รองรับการทำงานของการใช้การ์ดจอแยกและการสลับการทำงานระหว่างกราฟิก
ในตัวและการ์ดจอ และเพิ่มคำสั่งในการเข้าและถอดรหัสอีก 7 คำสั่งเพื่อรองรับการเข้ารหัสระดับสูงที่จะเกิดขึ้น
ในอณาคต เช่นการเข้ารหัสฮาร์ดดิสก์ทั้งตัวที่เป็นค่าดีฟอลต์อยู่ในไบออส โดยทั้งหมดนี้ยังคำทำงานร่วมกับชิบเซ็ต X58
อยู่เหมือนเดิม (สำหรับคนที่สนใจว่าจะได้เห็น USB 3.0 และ SARA-III ในปีหนี้หรือไม่นั้น ทางอินเทล
ยังไม่มีในข้อมูลว่าจะชิบ X58 นี้จะสนับสนุนหรือไม่ คงต้องรอข้อมูลปลายๆ ปีอีกที)



โดยในการผลิตครั้งนี้อินเทลจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2552-2553
เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขนาด 32 nm ส่งผลให้งบลงทุนทั้งหมดที่อินเทลลงทุนไปกับการพัฒนา
เทคโนโลยี 32 nm ในสหรัฐฯ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าในการลงทุนมากที่สุดที่เคยมีมา

กล้องดิจิตอล"โปรเจกเตอร์"โผล่แล้ว

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ล่าสุดมีข่าวลือจาก D'Image นิตยสารภาพถ่าย
ในฝรั่งเศษรายงานว่า บริษัท นิคอน (Nikon) เตรียมส่งกล้องดิจิตอลคอมแพครุ่นใหม่
ที่มาพร้อมกับโปรเจ็กเตอร์จิ๋ว (pico projector) ทำให้มันสามารถฉายภาพถ่ายออกมา
ได้ทันที โดยไม่ต้องต่อพ่วงให้วุ่นวายอีกต่อไป...ว้าว!!!



Nikon VP650 กล้องดิจิตอลคอมแพคที่ีีมีข่าวลือออกมาว่า มันจะมาพร้อมกับ
เครื่องฉายภาพ LED ขนาดเล็กที่ทำให้สามารถฉายภาพถ่ายจากในกล้องออกมา
ให้มีขนาดใหญ่ถึง 8 x 12 นิ้วภายในห้องมึดได้อย่างชัดเจน นับเป็นแก็ดเจ็ตอีก
ชิ้นหนึ่งที่ผสมผสานระหว่างกล้องดิจิตอลชนิดคอมแพ็คเข้ากับโปรเจ็กเตอร์จิ๋ว
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางกองบรรณาธิการได้นำเสนอมือถือโพรเจ็กเตอร์ที่สามารถ
ฉายภาพที่อยู่ในมือถือออกมาได้ หากข่าวลือนี้เป็นจริง กำหนดการเปิดตัว
Nikon VP650 จะอยู่ในช่วงสัปดาห์หน้า หากมีความคืบหน้าอย่างใด
ทางกองบรรณาธิการจะรีบนำมาอัพเดตคุณผู้อ่านทุกท่านทันที

Update: ล่าสุด Nikon เปิดตัวกล้องดิจิตอล
คอมแพคตัวแรกของโลกทีมาพร้อมกับโปรเจกเตอร์จิ๋วในตัวแล้ว
(พร้อมกับอีก 3 รุ่นทีมีคุณสมบัติไม่แพ้กัน) โดยจะเป็นรุ่น Nikon
COOLPIX S1000pj คุณสมบัติในขั้นต้น กล้องรุ่นนี้จะมีความละเอียด
12 ล้านพิกเซล จอ LCD 2.7 นิ้ว ออปติคัลซูม 5x สามารถฉาย
โปรเจ็กเตอร์สำหรับภาพถ่าย และวิดีโอให้มีขนาดใหญ่สูงสุด 40 นิ้ว
(640 x 480 พิกเซลที่อัตราเฟรม 30 ภาพต่อวินาที) ที่ระยะห่าง 6 ฟุต...ว้าว!!!



ภายในตัวกล้องยังมีซอฟต์แวร์สำหรับธีมของสไลด์โชว์ เอฟเฟกต์ของ
ทรานสิชั่นของการเปลี่ยนสไลด์ต่างๆ และดนตรีประกอบการดูภาพจาก
ลำโพงที่อยู่ในกล้องที่ดังพอให้ได้ยินขณะฉายโปรเจกเตอร์ กล้องรุ่นนีั้มี
รีโมทไร้สาย เพื่อควบคุมการทำงานได้อีกด้วย คาดว่าจะวางจำหน่ายใน
เดือนกันยายน ศกนี้ ราคาอยู่ที่ 429.95 เหรียญ (ประมาณ 15,500 บาท)



แหล่งข่าว : [เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++